คราวนี้ต้องขอแอบกระซิบว่าเราหนี กระโดดโรงแรม ออกมายามค่ำคืน เพียงเพื่อว่าอยากจะลองออกนอกกรุ๊ปทัวร์ดูบ้าง แล้วรู้ไหมว่าเราไปไหน เราไป Seoul tower กันค่ะ โดยนั่งรถประจำทางของเขาไปกัน กางแผนที่ แล้วก็ไปกันเลย ก็สนุกดีนะคะ
ตัดฉับมาที่ Seoul Tower เลยค่ะ เพราะระหว่างนั้น ไม่มีกระใจจะถ่ายภาพ มืดก็มืด ต้องเดินขึ้นเขามา หนาวก็หนาวค่ะ เพราะรถประจำทางนั้นส่งเราได้ถึงประมาณกลางๆ เขาเท่านั้นเอง เราต้องเดินต่อกันขึ้นมาเอง ทางชันมาก ประมาณว่าถ้าสะดุดหกล้ม คงต้องหมุนๆๆ กลับไปเริ่มใหม่กันเลย
แต่แล้วก็ขึ้นมาถึงจนได้ … สวยมากๆค่ะ จุดที่สูงที่สุดในประเทศนี้ อยู่ตรงหน้าเรานี่เอง
ไฟ ไม่พอ ต้องใช้ Slow Sync ถ่ายภาพนี้แทนค่ะ
นี่ ตั๋วขึ้นไปสวรรค์
ทางเข้าสวยจัง
ไอติมยังสูงเลยค่ะ แถมคนขายก็สูงด้วยนะ สงสัยที่นี่คงมีแต่อะไรสูงๆกันหมด
อันนี้เป็นส่วน Roof ที่ยังไม่ได้ขึ้นไปด้านบน ลมแรงมากจนน่ากลัว กลุ่มวัยรุ่นเยอะมากเหมือนกันค่ะ และที่ลูกกรง จะเห็นมีกุญแจของคู่รัก เขาจะมาล็อคกันไว้ ทำเป็นรูปหัวใจ ประกาศให้คนรู้กันว่า เราสองคนรักกัน
คู่นี้อลังการมาก ล็อกไว้เลย คนเกาหลีชอบทำอะไรโรแมนติกเนอะ
และเราก็ขึ้นมาด้านบน ทีนี่ ห่างจากกรุงเทพของเรา 3,713.49 กิโลเมตรค่ะ
อ๊ะ นั่นเขามุงดูอะไรกัน
อา.. Teddy Bear Museum นั่นเอง โอโหเฮะ มีแบบนี้ด้วย
ถ้าใครเคยดูซีรีย์เรื่อง เจ้าหญิงวุ่นวาย เจ้าชายเย็นชา คงจะรู้ว่าตลอดทั้งเรื่อง ขายหมี ตลอดเลยค่ะ
รูปถ่ายสวยๆ เพียบเลยค่ะ
บันทึกภาพวีดีโอเอาไว้ด้วยค่ะ ว่างๆจะเอามาลงให้ดูนะคะ
หมีน้อยน่ารักเต็มไปหมด
อ๊ะ เข้าไปทำอะไรอยู่ในนั้น
…..
น่ารักไหมคะ
แต่ละชุด น่าเป็นเจ้าของทั้งเซ็ตจริงๆ
ตัดกลับมา ระหว่างทางเราได้ซื้อสตอเบอรี่มา ในราคาไม่แพง กล่อง 6000 วอน เท่ากับแค่ ประมาณ 200 บาท แต่บางที่ก็ 4000 วอน ก็ประมาณ 130 บาทค่ะ
ลองดูสิคะ ใหญ่ขนาดไหน เทียบกับมือถือดูก็รู้ บ้านเรากล่องละ 400-600 ได้เม็ดนิดเดียวเอง ใครไปเกาหลีห้ามพลาดนะคะ กินให้อิ่ม แล้วซื้อกลับมาด้วยสัก 2 กล่อง
러브 태국 ♡
สตอเบอร์รี่ลูกใหญ่ น่ากินมาก
น่ารักดีค่ะ ทั้งคนทั้งหมีเลย อีก 2 วันจะไปเหมือนกัน มาหาข้อมล ขอบคุณค่ะ